คุณแม่บ้านไปจ่ายตลาดอาจมีข้อสงสัยว่าผัก-ผลไม้ที่ซื้อจะปลอดภัยสำหรับคนในครอบครัวหรือไม่ เมื่อไม่ได้ปลูกเองก็ต้องเลือกซื้อสินค้าจากแหล่งผลิตที่น่าเชื่อถือ ดังนั้น เรามาเรียนรู้ระดับความปลอดภัยจากมาตรฐานเกษตรอินทรีย์และอาหารปลอดภัยกันดีกว่า
ว่ามีความแตกตางกันอย่างไรเพราะจะปลอดภัยหรือไม่ลอดภัยอยู่ที่ผู้ผลิต
ความตื่นตัวในเรื่องสุขภาพทำให้เกิดการส่งเสริมเกษตรกรผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
ทั้งด้านตัวสินค้าเกษตรและกระบวนการผลิต
ซึ่งในด้านกระบวนการผลิตพิจารณาได้จากการผลิตการเกษตรที่ดี(Good Agriculture
Practice) การแปรรูปที่ดี (Good Manufacturing Practice :
GMP) สินค้าที่ปลอดภัย Quality : Q)
สำหรับผู้บริโภคหากต้องการทราบว่าพืชผักผลไม้นั้นมีความปลอดภัยในระดับใด การพิจารณากระบวนการผลิตอาจเป็นไปได้ยากเนื่องจากมีมาตรฐานและตรารับรองมากมายจนทำให้สับสนและยากต่อความเข้าใจทางด้านเทคนิก
(เชื่อว่าผู้เกี่ยวข้องเองก็อาจสับสนเช่นกัน)
ดังนั้น เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจสามารถพิจารณาจากตราสัญลักษณ์ที่ปรากฏอยู่บนบรรจุภัณฑ์ของสินค้าเกษตรนั้นๆ
แยกออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่
·
สินค้าที่ปลอดภัย ( Quality ) เน้นเรื่องความปลอดภัยต่อผู้บริโภค ประกอบด้วย สินค้าปลอดภัยจากสารพิษ
และสินค้าเกษตรดีที่เหมาะสม
·
สินค้าอินทรีย์ ( Organic ) เน้นเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ประกอบด้วย เกษตรอินทรีย์ , เกษตรธรรมชาติ , กสิกรรมไร้สารพิษ
สินค้าที่ปลอดภัย ( Quality )
- ปลอดภัยจากสารพิษและผักอนามัย สามารถใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืชและใช้ปุ๋ยในการบำรุงพืชให้เจริญเติบโต
ผลผลิตที่เก็บเกี่ยวมีสารเคมีตกค้างได้แต่ต้องไม่เกินปริมาณที่กำหนดเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข
ในประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 163 พ.ศ.2538 ลงวันที่ 28 เมษายน 2538 เรื่อง อาหารที่มีสารพิษตกค้าง
- เกษตรดีที่เหมาะสม หรือ GAP ย่อมาจาก Good
Agricultural Practice เป็นแนวทางการทำเกษตรกรรมเพื่อให้ได้ผลผลิตคุณภาพดี ตรงตามมาตรฐานที่กำหนด ผลผลิตสูงคุ้มค่ากับการลงทุน กระบวนการผลิตปลอดภัยต่อผู้ผลิตและผู้บริโภค การตรวจประเมิน
และรับรองระบบการจัดการโดยกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อย่างน้อย 8
ปัจจัย คือ
• แหล่งน้ำ
• พื้นที่ปลูก
• การใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตร
• การเก็บรักษาและขนย้ายผลผลิตภายในแปลง
• การบันทึกข้อมูล
• การผลิตให้ปลอดจากศัตรูพืช
• การจัดกระบวนการผลิตเพื่อให้ได้ผลิตผลคุณภาพ
• การเก็บเกี่ยวและการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยว
สินค้าอินทรีย์ ( Organic : grown without using
chemicals )
- เกษตรอินทรีย์ หรือ ออร์แกนิก นิยามจะแตกต่างไปตามผู้กำหนดมาตรฐานของแต่ละประเทศ แต่จะมีสิ่งที่คล้ายคลึงกัน คือ จะไม่ใช่สารเคมีใดๆทั้งสิ้น
เป็นการปลูกพืชผักด้วยหลักธรรมชาติ
จึงไม่มีสารปนเปื้อนต่อดิน น้ำ อากาศ และสิ่งแวดล้อม
ตามหลักสากลแล้วยังต้องคำนึงถึงดินที่ปลูก ต้องพักดิน โดยไม่ใช้สารเคมีเกิน 5 ปี พื้นที่ปลูก และแหล่งนํ้าต้องไม่ใกล้โรงงานอุตสาหกรรม
อีกทั้งยังรวมถึงขั้นตอนการเก็บเกี่ยว และเก็บรักษา ต้องไม่มีสารเคมีด้วย การไม่ใช้สารเคมีหรือสารสังเคราะห์ใดๆ
ทำให้ไม่มีสารตกค้าในผลผลิต นับว่าปลอดภัยที่สุดต่อสุขภาพของผู้บริโภคและผู้ผลิต
- เกษตรธรรมชาติ ( Natural farming) คือ การทำการเกษตรที่ไม่ใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีทางการเกษตรทุกชนิด ตลอดจนไม่ใช้สิ่งขับถ่ายจากมนุษย์ หลักการของเกษตรธรรมชาติ คือ การทำให้ดินแสดงศักยภาพอันยอดเยี่ยมได้อย่างเต็มที่
, การใช้ศักยภาพของดินอย่างเต็มที่ คือ
การรักษาดินให้สะอาดอย่างถึงที่สุด โดยไม่ใส่สิ่งที่ไม่บริสุทธิ์
อย่างเช่นปุ๋ยที่ผลิตขึ้นจากมนุษย์
ดินก็จะไม่มีสิ่งแปลกปลอมที่เป็นอุปสรรคขัดขวาง
ทำให้ดินแสดงศักยภาพออกมาได้อย่างแท้จริง
ภายใต้หลักการพื้นฐานของเกษตรธรรมชาติคือการเคารพธรรมชาติ ซึ่งเป็นไปตามแนวทางของท่านมาซาโนบุ
ฟูกูโอกะ (Masanobu Fukuoka) ชาวญี่ปุ่น ปรามาจารย์ที่เป็นผู้คิดค้นเกษตรธรรมชาติ
ซึ่งมีอยู่ 5 ประการ คือ ไม่ไถพรวน ไม่ใส่ปุ๋ย
ไม่กำจัดวัชพืช ไม่กำจัดแมลงและศัตรูพืช และไม่ตัดแต่งกิ่งไม้
- กสิกรรมไร้สารพิษ โครงการเกษตรกรรมไร้สารพิษอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ปัจจุบันมีเครือข่ายครอบคลุมพื้นที่ในเขตอำเภอวังน้ำเขียว สีคิ้ว ขามทะเลสอ
และครบุรี จังหวัดนครราชสีมา โครงการแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2541 จากการรวมกลุ่มของเกษตรกรในอำเภอวังน้ำเขียว
ที่ทราบถึง ผลกระทบในการใช้สารเคมีหรือสารพิษในการทำการเกษตร ก่อนได้รับพระมหากรุณาธิคุณรับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
หากยากจะเลือกซื้อสินค้าเกษตรที่ได้มาตรฐานด้วยเหตุผลใดก็ตาม
เพื่อความไม่ประมาทก่อนบริโภคทุกครั้งควรล้างให้สะอาดเพื่อช่วยลดปริมาณสารพิษตกค้างลงได้บ้าง ลดได้มากเท่าไหร่ชีวิตเราก็จะลดความเสี่ยงจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆได้มากเท่านั้น