มะระจีน ชื่อสามัญ Bitter melon, Balsam pear, Bitter cucumber, Bitter gourd
ชื่อวิทยาศาสตร์
Momordica charantia L.
จัดอยู่ในวงศ์แตง
(CUCURBITACEAE)
ถิ่นกำเนิด
เป็นพืชล้มลุกพันธุ์ไม้เลื้อยเขตร้อนที่มีอายุปีเดียว เป็นมะระที่นำเข้ามาจากประเทศจีน
และถูกปรับปรุงพันธุ์ให้สามารถปลูกปลูกได้ดีในทุกภาคของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเหนือหรือในช่วงปลายฝนจนถึงฤดูหนาว
สามารถปลูกได้ในทุกดิน แต่จะเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วน
ดินร่วนปนทรายหรือดินที่มีหน้าดินลึก
วิธีปลูก
เป็นพืชผักที่ต้องการความเอาใจใส่มาก
เพราะมีแมลงหลายชนิดคอยรบกวนทำลายผล ทำให้ผลร่วง แคระแกร็น
จึงต้องใช้ต้นกล้าที่มีความแข็งแรงด้วยวิธีการหยอดเมล็ดหรือปลูกจากต้นกล้าเท่านั้น ซึ่งที่นี่ได้ใช้วิธีการเปลี่ยนตอของต้นและรากให้เป็นพืชที่มีความแข็งแรง
คือ ต้นบวบ โดยเริ่มลงแปลงวันที่ 2 มิถุนายน 2561
นอกจากนี้หากมีพื้นที่จำกัดก็สามารถการปลูกในกระถางที่มีมีรูระบายน้ำด้านล่าง ซึ่งจะปลูกกระถางละหลุมหรือกระถางต่อต้น โดยใช้เพียง 1-2 เมล็ด/กระถางหรืออาจจะเป็นการปลูกด้วยต้นกล้าก็ได้
และควรทำค้างเพื่อค้ำยันด้วยการปักไม้ลงไปในกระถางหรืออาจจะทำค้างจากนอกกระถางก็ได้
หลังปลูกให้น้ำทุกวันอย่างน้อยวันละ 1
ครั้ง โดยเตรียมดินปลูกสำหรับปลูกด้วยการผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก
มะระจีนชอบดินร่วนซุย น้ำไม่ขัง ให้รดน้ำทุกวัน
แต่ไม่ชอบแฉะ ระบายน้ำดี ชอบแสงแดด
การเก็บเกี่ยว
การเก็บเกี่ยว
มะระจีนที่
“นายเล้งสวนเกษตรชี้นิ้ว”นำมาปลูกสามารถเก็บเกี่ยวผลได้ภายในเดือนแรก แต่จะเป็นการให้ผลผลิตที่มีขนาดไม่โตมากนัก แต่เมื่อเข้าสู่รอบที่ 2 ซึ่งทอดระยะเวลา 40-50 วัน หลังจากเมล็ดงอก
ออกดอกมีสีเหลืองออกตามช่อใบ ผลที่มีสีเขียวอ่อนจะมีคุณภาพที่ดีขึ้น คือ ผลจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 5-7 ซม. ยาว 15-25 ซม. เนื้อหนา 0.5-1 ซม. หากปล่อยทิ้งไว้จนผลมีสีขาวหนาม มีลักษณะแข็ง
แสดงว่ามะระนั้นแก่เต็มที่แล้ว
จะได้เนื้อที่หยาบเพราะเป็นผลที่แก่
มีรสขมมากๆ(มีสาร Momodicine)
การปลูกมะระจีน 1
ครั้งสามารถเก็บได้ต่อเนื่องจนถึง 90
วัน หรือที่ได้แนะนำจากแหล่งพันธ์ว่าจะสามารถตัดได้ถึง 50 มีด หรือ 50
รอบนั่นเอง โดยจะเก็บผลที่มีลักษณะสีเขียวอ่อน ซึ่งอยู่ในระยะพอดี
หากผลมีสีออกขาวถือเป็นระยะแก่ เนื้อจะหยาบ
การเก็บเกี่ยวให้ใช้กรรไกรตัดขั้วออกมา
ประโยชน์และสรรพคุณทางยา ด้วยรสชาติที่ไม่ขมมากเหมือนมะระไทย
และมีผลขนาดใหญ่จึงเป็นที่นิยมในการปลูก เพราะมะระจีนมีสารประกอบที่เป็นปรโยชน์มากมาย อาทิ
- แคแรนทิน (charantin), โพลีเปปไทด์ พี (p-insulin) และวิซิน (vicine) ซึ่งมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด
จึงเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวาน
ปัจจุบันมีการนำมาผลิตเป็นยารักษาโรคเบาหวานที่บรรจุอยู่ในรูปของแคปซูล และมียังสรรพคุณ ในการช่วยฟอกเลือดอีกด้วย
- เบตาแคโรทีนในผลมะระช่วยเสริมภูมิคุ้มกันโรคและช่วยปกป้องเซลล์จากการทำลายของสารก่อมะเร็งต่าง
ๆ
- มะระจีนมีวิตามินเอสูงแม้จะต้มสุกแล้วก็ยังหลงเหลืออยู่มาก มีประโยชน์ช่วยให้เติบโต ป้องกันโรคต่างๆ
ที่จะเกิดกับตา ช่วยบำรุงและรักษาสายตา และป้องกันการติดเชื้อจากโรคต่างๆ ด้วย
- ผู้สูงอายุที่เข้าสู่ภาวะกระดูกเสื่อม
กระดูกพรุน แคลเซี่ยมในมะระก็จะช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง
- เถาของมะระสามารถช่วยดับพิษร้อนภายในร่างกาย
- ผลมะระมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ช่วยในการย่อยอาหารและรักษาแผลในกระเพาะอาหาร
ทำอย่างไรให้มะระไม่ขม
หลังเก็บเกี่ยวก่อนนำไปประกอบอาหารให้นำมาแช่น้ำเกลือในอัตราส่วนเกลือ
1 ช้อนชากับน้ำ 1 ลิตร แช่ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที เสร็จแล้วให้เทน้ำทิ้ง
แล้วแช่น้ำเปล่าอีกครั้งประมาณ 10
นาที จะช่วยลดความขมของมะระลงได้
และเวลาที่กำลังประกอบอาหารด้วยการต้มอย่างก็ไม่ควรจะเปิดฝาทิ้งไว้หรือคนบ่อย
ๆ จะทำให้มะระขม
เมื่อต้องการเก็บไว้ใช้ได้นานๆให้นำมะระจีนมาล้างน้ำให้สะอาด
สะเด็ดน้ำให้แห้ง จากนั้นให้นำมาห่อด้วยกระดาษหรือผ้าขาวบาง
แล้วใส่ถุงหรือกล่องพลาสติก แล้วนำไปแช่ตู้เย็น
ยากทานเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น
แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับผมได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/lengnoi.noi
Fanpage : https://www.facebook.com/LengFarm/
E-mail :
lengorganicfarm@gmail.com
Mobile : 081-882-3678
Telephone : 054-222-737