การตื่นตัวในเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยในอาหารของคนไทยมีมากขึ้นทำให้มีสินค้าเกษตรกล่าวอ้างว่าเป็นอินทรีย์ในท้องตลาดเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน เพราะผู้คนต่างให้ความสนใจหาซื้ออาหารและผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยจากการปนเปื้อนสารเคมีอันตรายและอินทรีย์ต่างๆแม้ว่าจะมีราคาแพงกว่าท้องตลาดก็ตาม ดังนั้น
การจะเป็นผู้บริโภคที่ชาญฉลาดควรตระหนักถึงการควบคุมมาตรฐานสินค้าเกษตรเหล่านี้ด้วยการพิจารณาเงื่อนไขการออกเอกสารรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นพื้นฐาน
เพราะเราไม่สามารถทราบแหล่งที่มาที่ชัดเจนของสินค้าได้แน่ชัดนั่นเอง
ตรารับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรอินทรีย์
1. ประเทศผู้นำเข้ารายใหญ่มักกำหนดมาตรฐานการนำเข้าสินค้าของตนเพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภคในประเทศนั้นๆ
ซึ่งส่วนใหญ่จะมีมาตรฐานแยกออกตามระดับความปลอดภัย อาทิ
- ประเทศสหรัฐอเมริกาได้กำหนดแผนงานเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ
(NationalOrganic Program : NOP) ขึ้นดำเนินงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา
(United States Department of Agriculture
: USDA) ทั้งนี้ อาศัยตรามาตรฐานระบบเกษตรอินทรีย์สหรัฐอเมริกา(National Organic Program : NOP) ซึ่งกำหนดระบบการตรวจรับรองเกษตรอินทรีย์ขึ้นใช้ตั้งแต่ปี
พ.ศ. 2545
- รัฐบาลแคนาดาเริ่มนำระบบมาตรฐานเกษตรอินทรีย์แคนาดา
Canada Organic Regime (COR) บังคับใช้ตั้งแต่ปี
พ.ศ.2552 โดยมีหน่วยงานรับผิดชอบ คือ Canadian Food Inspection Agency (CFIA) ตราสัญญลักษณ์ที่ผ่านการตรวจรับรองต้องมีชื่อสินค้า
รหัสหน่วยงานที่ทำการตรวจการรับรอง พร้อมกับระบุประเทศผู้ผลิต
ทั้งภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสกำกับให้เห็นได้ชัดเจนใกล้ๆ ตรามาตรฐานฯ
- สหภาพยุโรปยังไม่อนุญาตให้ใช้คำว่า Organic
หรือ อินทรีย์ 100% บนฉลากสินค้า การแสดงตรามาตรฐานเกษตรอินทรีย์สหภาพยุโรปที่ถูกต้อง
กำหนดให้มีเลขรหัสหน่วยงาที่ทำการตรวจรับรองของสหภาพยุโรป
ระบุประเทศของหน่วยงานผู้ตรวจรับรองกำกับไว้ ทั้งนี้
ต้องระบุประเทศแหล่งที่มาของสินค้าอินทรีย์นั้นๆ ไว้ใต้ตรามาตรฐาน
- กระทรวงเกษตร
ป่าไม้ และประมง ของญี่ปุ่น (Ministry of
Agriculture, Forestry and Fisheries – MAFF)เป็นผู้กำหนดระบบมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ผ่านการใช้ตรามาตรฐานระบบเกษตรอินทรีย์ญี่ปุ่น
(Japanese Agricultural Standard :
Organic JAS mark) หากมีการนำเข้าสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่รับรองด้วยระบบมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ประเทศอื่น(ที่ประเทศญี่ปุ่น
ยอมรับได้ อาทิ ระบบมาตรฐานเกษตรอินทรีย์แคนาดา เฉพาะที่ผลิตในแคนาดา
ซึ่งเริ่มใช้เมื่อ 1 ม.ค. พ.ศ. 2558 ) ต้องแสดงตรามาตรฐานฯ
ที่ยอมรับต้องแสดงคู่กับตรามาตรฐานฯ ของญี่ปุ่นเสมอ
2. ตรามาตรฐานสินค้าอินทรีย์จากหน่วยงานตรวจรับรองภาคเอกชนต่างประเทศดำเนินการตรวจรับรองและได้รับความนิยมในประเทศไทย อาทิ
- ตรามาตรฐานระบบเกษตรอินทรีย์ไอเอ็มโอ-คอนโทรล
(IMO-Control) โดยบริษัทตรวจรับรองสินค้าอินทรีย์จากประเทศสวิตเซอน์แลนด์
ในนามบริษัทไอเอ็มโอ-คอนโทรล
- ตรามาตรฐานระบบเกษตรอินทรีย์อีโคเสิร์ช?(Ecocert) โดยบริษัทตรวจรับรองสินค้าอินทรีย์จากประเทศฝรั่งเศส
ในนามบริษัท อีโคเสิร์ช
- ตรามาตรฐานระบบเกษตรอินทรีย์ไบโออะกิเสิร์ช
(Bioagricert)
โดยบริษัทตรวจรับรองสินค้าอินทรีย์จากประเทศอิตาลี มีสาขาย่อยในประเทศไทย คือ บริษัท ไบโออะกริเสิร์ช (ไทยแลนด์)
จำกัด
- ตรามาตรฐานระบบเกษตรอินทรีย์บีเอสซี(BSC : KO-GARANTIE GMBH – BSC) โดยบริษัทตรวจรับรองสินค้าอินทรีย์จากประเทศเยอรมันนี
มีตัวแทนในประเทศไทยอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์แกับผมได้ที่
Facebook :
https://www.facebook.com/lengnoi.noi
Fanpage :
https://www.facebook.com/LengFarm/
|